การจำแนกรูปแบบคำในภาษาไทย
จากโจทย์ที่ว่าคำในภาษาไทยจะตัดแบ่งได้มากที่สุดแค่ไหน
และมีเกณฑ์อย่างไร
ในอันดับแรกควรจะต้องทำความเข้าใจรูปแบบคำที่มีใช้ในภาษาไทยเสียก่อน
ซึ่งการอธิบายในที่นี้ไม่ได้อธิบายตามแบบโครงสร้างภาษาทางไวยากรณ์โดยตรง
แต่มีวัตถุประสงค์เพื่อทำความเข้าใจในรายละเอียดของรูปคำเพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการแยกขอบเขตคำเท่านั้น
จึงกำหนดการจำแนกรูปแบบคำในภาษาไทยเป็น 2 รูปแบบคือ
รูปแบบคำในภาษาไทยจำแนกตามองค์ประกอบของคำ
การจำแนกคำตามองค์ประกอบของคำหมายถึง
การดูโครงสร้างส่วนประกอบภายในคำ ว่าประกอบด้วยหน่วยย่อยอะไรบ้าง หน่วยย่อยต่างๆ
ที่เป็นองค์ประกอบของคำ ที่ถือเป็นหัวใจสำคัญสำหรับการพิจารณาเลือกแบ่งคำ ได้แก่
1. หน่วยคำอิสระ
หมายถึงหน่วยคำที่สามารถปรากฏตามลำพังได้ หรือปรากฏร่วมกันกับหน่วยคำอิสระด้วยกัน หรือกับหน่วยคำไม่อิสระได้ เช่น จากตัวอย่างคำว่า "รัง " ดังต่อไปนี้
หมายถึงหน่วยคำที่สามารถปรากฏตามลำพังได้ หรือปรากฏร่วมกันกับหน่วยคำอิสระด้วยกัน หรือกับหน่วยคำไม่อิสระได้ เช่น จากตัวอย่างคำว่า "รัง " ดังต่อไปนี้
รัง (อิสระ)
รังนก (อิสระ+อิสระ)
รุงรัง (ไม่อิสระ+อิสระ)
2. หน่วยคำไม่อิสระ
หมายถึงหน่วยคำที่ไม่สามารถปรากฏตามลำพังได้ อาจจะปรากฏร่วมกับหน่วยคำไม่อิสระด้วยกัน หรือปรากฏร่วมกับหน่วยคำอิสระได้ ตัวอย่างเช่นคำต่อไปนี้ที่มีองค์ประกอบของหน่วยคำไม่อิสระ
หมายถึงหน่วยคำที่ไม่สามารถปรากฏตามลำพังได้ อาจจะปรากฏร่วมกับหน่วยคำไม่อิสระด้วยกัน หรือปรากฏร่วมกับหน่วยคำอิสระได้ ตัวอย่างเช่นคำต่อไปนี้ที่มีองค์ประกอบของหน่วยคำไม่อิสระ
ชดช้อย (ไม่อิสระ+ไม่อิสระ)
อ่อนช้อย (อิสระ+ไม่อิสระ)
ทั้งหน่วยคำอิสระ และไม่อิสระ
เมื่อประกอบเป็นคำแล้วก็จะมีคำที่ใช้เรียกคำที่ประกอบขึ้นนั้นเป็นคำประเภทต่างๆ
ดังนี้
คำผสาน (Complex
Words)
หมายถึง
คำที่ประกอบด้วยหน่วยคำตั้งแต่ 2 หน่วยคำขึ้นไป
โดยมีส่วนประกอบคำอย่างน้อยหนึ่งหน่วยคำเป็นหน่วยไม่อิสระ เช่น นักเรียน
หรือเป็นหน่วยคำไม่อิสระทั้งหมด เช่น โฆษณา อำนวย เป็นต้น
คำผสานที่พบเห็นบ่อยคือคำผสานที่ประกอบด้วยหน่วยคำหน้าศัพท์ (prefix) และหน่วยคำท้ายศัพท์ (sufix) ที่ประกอบเข้ากับหน่วยคำอิสระหรือไม่อิสระ
เช่น นักกีฬา ชาวนา กรรมกร
คำซ้อน (Synonymous Compound)
หมายถึง
คำที่ประกอบด้วยหน่วยคำอิสระตั้งแต่สองหน่วยคำขึ้นไป
โดยหน่วยคำอิสระที่จะมาประกอบกันนั้นจะต้องมีความหมายเหมือน หรือคล้ายคลึง
หรือไปในทำนองเดียวกัน หรือตรงกันข้าม เช่น
จับต้อง, อุปกรณ์เครื่องใช้,
สับสนวุ่นวาย, ต่อสู้ช่วงชิง, เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่, เท็จจริง
คำซ้ำ (Reduplication)
คือคำที่เกิดจากการออกเสียงคำเดียวกันซ้ำสองครั้ง
หน่วยคำที่เป็นองค์ประกอบของคำซ้ำอาจจะเป็นหน่วยคำอิสระ เช่น เร็ว คำซ้ำคือ เร็วๆ
หรือเป็นหน่วยคำไม่อิสระคือไม่เกิดตามลำพัง เช่น ยองๆ คำซ้ำจะพบในรูปแบบต่างๆ
ดังนี้
- คำซ้ำที่ซ้ำหน่วยคำข้างหน้าโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปหน่วยคำ
จะใช้เครื่องหมายไม้ยมก (ๆ) แทนการซ้ำ เช่น ช้าๆ
- คำซ้ำประเภทเปลี่ยนเสียงวรรณยุกต์
หมายถึงคำที่ซ้ำมีเสียงวรรณยุกต์ไม่เหมือนกับคำที่ต้องการซ้ำ เช่น ดี๊ดี
- คำซ้ำประเภทเปลี่ยนเสียงสระ หมายถึง
คำซ้ำที่มีเสียงสระไม่เหมือนกับคำที่ต้องการซ้ำ เช่น ดีเดอ
คำประสม (Compound
Words)
คำประสมหมายถึงคำที่มีส่วนประกอบของหน่วยคำอิสระตั้งแต่
2 หน่วยขึ้นไป
คำประสมจะมีลักษณะค่อนข้างกว้าง เกณฑ์หลักๆ
ในการพิจารณาว่าคำไหนเป็นคำประสมมีดังนี้
- หน่วยคำที่ประกอบเป็นหน่วยคำอิสระทั้งหมด
มีตั้งแต่ 2 หน่วยคำขึ้นไป อาจจะเป็นคำหรือกลุ่มคำมาประสมกัน
- คำประสมอาจจะมีส่วนประกอบหนึ่งเป็นส่วนหลักอีกส่วนเป็นส่วนขยาย
เช่น ตลาดนัด มีคำว่า "ตลาด" เป็นส่วนประกอบหลัก "นัด"
เป็นส่วนประกอบขยาย
- ความหมายของคำประสมจะมีลักษณะดังนี้
- ความหมายอยู่ที่ส่วนประกอบหลัก
ส่วนส่วนประกอบขยายจะทำหน้าที่เสริมความหมายเท่านั้น เช่น สถานีขนส่ง มี
"สถานี" เป็นส่วนประกอบหลัก และ "ขนส่ง" เป็นส่วนประกอบขยาย
- ความหมายของคำประสมไม่ได้อยู่ที่คำประกอบคำใดคำหนึ่ง
แต่มีความหมายใหม่ โดยมีเค้าความหมายเดิมของคำที่นำมาประกอบกัน เช่น หนอนหนังสือ
หมายถึง คนที่ชอบอ่านหนังสือหรืออ่านหนังสือมาก
จากเกณฑ์ทางความหมายของคำที่นำมาประกอบกันเป็นคำประสม
สามารถจำแนกคำประสมออกเป็นลักษณะสำคัญ 2 ชนิด
คือ
1. คำประสมแท้ หมายถึง
คำประสมที่เกิดจากหน่วยคำอิสระตั้งแต่สองหน่วยขึ้นไปมารวมกัน แล้วเกิดความหมายใหม่
โดยความหมายใหม่ที่ได้ไม่ใช่ความหมายของหน่วยคำที่มาประกอบหน่วยคำใดหน่วยคำหนึ่ง
แต่เป็นความหมายใหม่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับความหมายของหน่วยคำประกอบแต่ละหน่วยนั้น
เช่น คำว่า "ตกลง" ไม่ได้มีความหมายอยู่ที่คำว่า "ตก" หรือ
"ลง" แต่หมายถึงการยอมรับในเงื่อนไข เป็นต้น
2. คำประสมไม่แท้ คำประสมที่เกิดจากหน่วยคำอิสระตั้งแต่สองหน่วยขึ้นไปมารวมกัน
แล้วเกิดความหมายใหม่
โดยความหมายใหม่ที่ได้นั้นจะยังคงเค้าความหมายของหน่วยคำประกอบคำใดคำหนึ่ง
ซึ่งถือเป็นหน่วยคำหลัก และมีหน่วยคำประกอบหนึ่งเป็นคำขยาย เช่น
"สนามกีฬา" หมายถึงบริเวณพื้นที่ที่สามารถใช้เล่นกีฬาได้ เป็นต้น
ในปัจจุบันคำในภาษาไทยมีการสร้างคำมากขึ้นเรื่อยๆ
เพื่อรองรับกับการเปลี่ยนทางสังคมและวัตถุ รวมถึงเทคโนโลยีต่างๆ
ที่มีการพัฒนามากขึ้น ทำให้คำต่างๆ
ที่มีอยู่ในภาษาไทยบางครั้งก็แยกลำบากว่าคำประสมมีขอบเขตแค่ไหน
ตัวอย่างเช่นคำต่อไปนี้
เครื่องเอ็กซเรย์ฟันด้วยคอมพิวเตอร์แบบดิจิทัล, ตู้คาราโอเกะหยอดเหรียญ, ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
และเทคโนโลยีชีวภาพสมัยใหม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น